/อยู่ในระหว่างการปรับปรุงเนื้อหา
Author Archives: admin
ระบบการพิมพ์ออฟเซ็ต
หลักการพิมพ์แบบออฟเซต (Offset) หลักการสำคัญคือน้ำและน้ำมันจะไม่ผสมเข้าด้วยกัน โดยเพลตที่ผลิตขึ้นจะอาบด้วยน้ำยาเคมีที่ทำให้ตัวเพลตอมหมึกแต่ไม่อมน้ำ ขั้นตอนแรก แผ่นเพลตจะถูกม้วนกับกระบอกเพลตที่หมุนได้ ซึ่งจะหมุนไปรับน้ำหมึกก่อน ขั้นตอนที่สอง หมึกจะถูกส่งต่อไปยังกระบอกพิมพ์ที่มีลักษณะเป็นยาง ขั้นตอนที่สาม กระบอกพิมพ์จะส่งน้ำหมึกลงไปบนกระดาษที่ป้อนเข้ามา และสุดท้ายกระบอกกดจะมีหน้าที่กดกระดาษให้แนบกับกระบอกพิมพ์ กระบอกสามารถปรับแรงกดได้ตามความหนาของกระดาษที่ใช้พิมพ์ ซึ่งกระดาษที่มีผิวขรุขระจะต้องใช้แรงกดจากกระบอกกดมากเป็นพิเศษ เพื่อให้สีติดลงบนบนกระดาษอย่างทั่วถึง ข้อดีของการพิมพ์แบบออฟเซต (Offset) -มีคุณภาพการพิมพ์สูง เนื่องจากมีความละเอียดของเม็ดสกรีนถึง 175-200 เส้น/นิ้ว เหมาะกับงานที่ภาพที่สลับซับซ้อน และตัวหนังสือที่มีขนาดเล็กมาก -สามารถพิมพ์ได้บนเกือบทุกพื้นผิว และยังสามารถพิมพ์ได้ที่ความหนาตั้งแต่ 55-600 แกรม -พิมพ์งานปริมาณมากด้วยเวลาอันรวดเร็ว เพราะเครื่องออฟเซตมีความเร็วในการพิมพ์ถึง 160 แผ่น/นาที -ค่าใช้จ่ายในการพิมพ์ลดลง เมื่อจำนวนสิ่งพิมพ์เพิ่มขึ้น เพลตพิมพ์ (Plate) เพลตพิมพ์จะถูกอัดแยกสีมาแต่ละเพลตโดยใช้หลักการแยกสีแบบ CMYK การพิมพ์งานสี่สีจึงต้องใช้แผ่นเพลตจำนวน 4 เพลตในการพิมพ์ และยังมีเพลตพิเศษเพื่อรับหน้าที่พิมพ์สีพิเศษโดยเฉพาะ เช่น สีทอง สีเงิน สีสะท้อนแสง และสีแพนโทน เป็นต้น
มาตรฐานกระดาษและซองจดหมาย
/อยู่ระหว่างการปรับปรุงเนื้อหา
การเตรียมไฟล์สำหรับงานพิมพ์
การตั้งค่าระยะตัดตก และ ระยะปลอดภัย เพื่อให้ได้งานที่ดีที่สุดเราควรมีการกำหนด ระยะตัดตก (Bleed) และ ระยะปลอดภัย (Safety Margin) ทุกครั้ง เพื่อป้องกันการตัดเห็นขอบขาว และตัดโดนข้อมูลสำคัญ ตามตัวอย่างข้างล่างนี้ เส้นสีดำ คือ ขนาดงานปกติ ที่เราออกแบบมา เส้นสีแดง (Bleed) คือ ระยะตัดตกของภาพ เราต้องออกแบบชิ้นงานให้เกินขนาดงานปกติออกไปชนเส้นสีแดงนี้ เพื่อป้องกันการตัดเห็นขอบกระดาษสีขาว ระยะตัดตกของภาพคือ 3 mm. เกินออกไปรอบตัวงาน เส้นสีน้ำเงิน (Safety Margin) คือ ระยะปลอดภัยของภาพ เราควรออกแบบให้เนื้อหาสำคัญของชิ้นงานอยู่ภายในกรอบสีฟ้านี้เพื่อป้องกันข้อมูลสำคัญถูกตัดขาดไป ระยะปลอดภัยของภาพคือ 3 mm. เข้ามาข้างในรอบตัวงาน